Core Web Vitals ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการรับทำ SEO
Core Web Vitals ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการรับทำ SEO ผู้ที่รับทำ SEO ในปัจจุบันคงรู้ดีว่า ในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งแม้ว่าคุณจะมีเทคนิคการรับทำ SEO ที่ดี หรือ การวางกลยุทธ์ที่ครอบคลุมก็ไม่สามารถติดอันดับได้ตามเป้าหมาย หากเว็บไซต์ของคุณไม่ได้มาตรฐาน Core Web Vitals ซึ่งหากคุณกำลังเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาแบบนี้ วันนี้แอดมินจะพาทุกท่านไปรู้จักกับการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงตามหลัก Core Web Vitals ที่จะช่วยให้การรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้าง มาติดตามกันได้ในบทความนี้เลยค่ะ
Outline
- Core Web Vitals คืออะไร
- Core Web Vitals กระทบกับการรับทำ SEO แค่ไหน
- องค์ประกอบ Core Web Vitals มีอะไรบ้าง
Core Web Vitals คืออะไร
Core Web Vitals คือ มาตรฐานที่ Google ใช้วัดประสบการณ์การเข้าใช้หน้าเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน หรือ UX (User Experiences) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องในการจัดอันดับสำหรับการรับทำ SEO เพราะเป็นปัจจัยที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ความสำคัญกับประสบการณ์เข้าใช้งานหน้าเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน ซึ่งหากคุณมีการออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงตามหลัก Core Web Vitals ก็จะช่วยให้การรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณมีประสิทธิภาพ และไปถึงอันดับเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ได้ดียิ่งขึ้น
Core Web Vitals กระทบกับการรับทำ SEO แค่ไหน
อย่างที่แอดมินได้เกริ่นไปว่า Core Web Vitals คือ มาตรฐานในการให้คะแนนของเว็บไซต์คุณ จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งหากเว็บไซต์ของคุณมี Core Web Vitals อยู่ในเกณฑ์ที่ดีก็จะส่งผลให้อันดับการรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณ มีอันดับที่ดีกว่าเป็นไซต์อื่น ๆ นั่นเอง ซึ่งถึงแม้ว่าการทำเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลัก Core Web Vitals จะไม่ได้เป็นปัจจัยการจัดอันดับ โดยตรง แต่คุณก็ควรจะให้ความสนใจ และความสำคัญเกี่ยวกับ Core Web Vitals เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้มีผลลัพธ์ตามที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ได้ดีขึ้น
องค์ประกอบ Core Web Vitals มีอะไรบ้าง
สำหรับ Core Web Vitals ที่ใช้ในการให้คะแนนการรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณนั้น จะประกอบไปด้วย 3 เกณฑ์หลัก ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามายังหมวดประสบการณ์การเข้าใช้หน้าเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า Page Experience โดยจะแบ่งเป็น 3 เกณฑ์หลัก ๆ ดังนี้
Largest Contentful Paint (LCP)
- Largest Contentful Paint (LCP) คือ มาตรฐานในการวัดค่าความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์ โดยจะมีการวัดจากการดาวน์โหลดคอนเทนต์ที่ใหญ่ที่สุดในหน้าเพจนั้นเช่น รูปภาพ วิดีโอ Pop-up หรือแบนเนอร์ ว่าใช้เวลาในการดาวน์โหลดนานเท่าใดเพราะ องค์ประกอบต่าง ๆ ในหน้านั้นจะถูกแบ่งการโหลดออกเป็นช่วง ๆ นั่นเอง
- วิธีปรับปรุง LCP : สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับค่า LCP และต้องการจะปรับปรุงเพื่อให้การรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คุณสามารถปรับปรุงได้โดยการหลีกเลี่ยงการใช้ไฟล์ที่มีความละเอียดเกินความจำเป็น หรือ การย่อขนาดไฟล์ให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้ค่า LCP มีคะแนนที่ดีขึ้น และจะช่วยให้เว็บไซต์คุณมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนอกจากนี้อีกหนึ่งเทคนิคที่บริษัทรับทำ SEO นิยมใช้กันคือ การติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มความเร็ว ที่จะช่วยให้การโหลดหน้าเว็บไซต์ของคุณเร็วมากยิ่งขึ้น
First Input Delay (FID)
- First Input Delay (FID) คือ ค่ามาตรฐานในการวัดคะแนนในการรับทำ SEOในเรื่องของความหน่วง หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ ระยะความเร็วในการตอบสนองของเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น การเลื่อนขึ้น-ลงในหน้าเว็บไซต์ของคุณมีการกระตุกหรือไม่ หรือ เมื่อผู้ใช้งานทำการคลิกปุ่มต่าง ๆ มีการตอบสนองที่เร็วมากแค่ไหนเป็นต้น ซึ่งหากเว็บไซต์ของคุณเกิดปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการตอบสนองก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพที่ลดลงที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมการรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณให้ดีขึ้น โดยค่า FID ควรมีในการโหลดโดยใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 100 มิลลิวินาที
- วิธีปรับปรุง FID : การที่เว็บไซต์มีอาการตอบสนองช้าส่วนใหญ่เกิดมาจากการที่ JavaScript ประมวลผลหนักเกินไป ซึ่งสำหรับใครที่รับทำ SEO ด้วย WordPress แอดมินก็ขอแนะนำให้คุณทำการลบ JavaScritp และปลั๊กอินที่ไม่ได้ใช้ออกก็จะช่วยให้ค่า FID ดีขึ้น และส่งผลให้เว็บไซต์คุณดีขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
Cumulative Layout Shift (CLS)
- Cumulative Layout Shift (CLS) คือ คะแนนที่ใช้ในการประเมินความเสถียรของหน้าเว็บไซต์ในส่วนของการจัดวาง Layout ข้อความเบี้ยวหรือตัวเล็กอ่านยาก หรือการทำเว็บไซต์ที่ไม่สะดวกต่อการใช้งานของผู้ใช้งาน ก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพที่ลดลง และคะแนนการรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณก็จะลดลงตามไปด้วยเพราะผู้ใช้งานที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีมากพอในการเข้าใช้งานของเว็บไซต์คุณนั่นเอง
- วิธีปรับปรุง CLS : หากคุณอยากได้คะแนนเพิ่มในการรับทำ SEO จากการปรับปรุงค่า CLS คุณสามารถแก้ไขความเสถียรด้านดีไซน์ โดยตรวจสอบการแสดงผลของฟอนต์ในหน้าเว็บไซต์ และเนื้อหาทั้งการแทรกรูป แบนเนอร์ว่าไปแทรกกับองค์ประกอบอื่น ๆ ให้มีความสบายตามากขึ้น อ่านง่ายมากขึ้น ซึ่งเท่านี้ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มคะแนนให้การรับทำ SEO ของเว็บไซต์คุณได้ดีขึ้น
การรับทำ SEO นอกจากจะมีเทคนิค และการวางกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว คุณจะต้องค่าเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในเรื่องของ Core Web Vitals ด้วย เพื่อให้เว็บไซต์คุณมีประสิทธิภาพที่ดีเพิ่มมากขึ้น และไปถึงอันดับเป้าหมายในการรับทำ SEO ซึ่งในส่วนนี้แอดมินก็อยากแนะนำให้คุณเปิดใจจ้างบริษัทรับทำ SEO เพราะสามารถช่วยปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้เป็นไปตามหลัก Core Web Vitals ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหากคุณชอบบทความเกี่ยวกับเทคนิคการรับทำ SEO ใหม่ ๆ สามารถติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ได้ใหม่ในบทความหน้าค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 4 วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์ที่ส่งผลต่อการรับทำ SEO
- Schema Markup เครื่องมือที่ผู้รับทำ SEO ไม่ควรพลาด
- กลยุทธ์ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google ด้วยการรับทำ SEO
และถ้าหากคุณสนใจเกี่ยวกับการทำ SEO หรือ กำลังมองหา บริษัทรับทำ SEO ที่จะเข้ามาช่วยดูแลการทำ SEO ของเว็บไซต์คุณ เลือกบริษัท KTn Develop สิคะคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เพราะเรามีประสบการณ์มากมาย และการทำเว็บไซต์กว่า 10ปี เราเป็นบริษัทรับทำ SEO และดูแลเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดในหน้า Google เพื่อให้เกิดยอดขายทางด้านออนไลน์ แบบไม่ต้องเสียเงินให้กับ Google หากสนใจบริการรับทำ SEO ติดต่อบริษัท KTn develop ได้