5 วิธี เขียนบทความให้ถูกหลักการทำ SEO ต้องทำแบบไหนไปดูกัน

5 วิธี เขียนบทความให้ถูกหลักการทำ SEO

5 วิธี เขียนบทความให้ถูกหลักการทำ SEO คงเป็นคำถามโลกแตกสำหรับผู้เขียนบทความเพื่อทำ SEO ว่าก็เขียนถูกหลักไวยากรณ์แล้ว เนื้อหาก็มีความน่าสนใจ แต่ทำไมถึงยังไม่ค่อยมีคนอ่านบทความของเรา แล้วมันมีวิธีอะไรบ้างที่ทำให้การเขียนบทความเพื่อทำ SEO มีคนอ่าน หรือ มองเห็นเยอะขึ้น มาหาคำตอบกับแอดมินได้ในบทความนี้เลยค่ะ

Outline

Keyword ต้องตรง

ในเรื่องของการทำ SEO Keyword ที่ใช้ในการทำ SEO ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยวิธีง่าย ๆ ในการเลือก Keyword ก็คือให้คุณมองในมุมมองของกลุ่มเป้าหมาย หรือ ผู้ใช้งานทั่วไป ว่าหากคุณต้องการซื้อสินค้า หรือ บริการอะไรสักอย่างคุณจะเลือก Search Keyword คำว่าอะไร หลังจากนั้นคุณก็ไปดูว่า keyword ที่เราเลือกมาทำ SEO นั้นมียอด Search ต่อเดือนเท่าไร่, คู่แข่งเป็นยังไงบ้าง, แนวโน้มเป็นยังไงบ้าง และคุณก็จะได้ Keyword ที่ดี และเหมาะสมสำหรับการทำ SEO ของธุรกิจคุณ

กระจาย Keyword ให้เหมาะสม

ในการนำ Keyword สำหรับการทำ SEO มาใส่ในบทความ คุณต้องนำ Keyword เหล่านั้นไปใส่ในบทความที่เราจะเขียนโดยภายในบทความนั้นจะต้องมีการควบคุมความหนาแน่นของบทความให้เหมาะสม เพราะหากคุณใส่ Keyword สำหรับการทำ SEO น้อยเกินไป Google อาจจะไม่ทราบความต้องการของเราว่าเรากำลังจะสื่อถึงเรื่องอะไร แต่หากคุณใส่ Keyword สำหรับการทำ SEO Google จะมองว่าบทความของเราไป Spam Keyword คำนั้น ๆ หรือเปล่า แอดมินขอแนะนำว่า Keyword สำหรับการทำ SEO ที่ใส่ลงไปในบทความควรมีปริมาณอยู่ที่ 2 – 4 % ต่อบทความนั้น ๆ ค่ะ

บทความมีความพอดี มีเนื้อหาที่ดี

ในการเขียนบทความเพื่อทำ SEO มีงานวิจัยมากมายแสดงให้เห็นว่า Google มักจะชอบเนื้อหาบทความที่มีเนื้อหาเชิงลึก มีความยาว และจำนวนคำมาก ๆ มากกว่าบทความที่มีจำนวนคำอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคำ ซึ่งในส่วนนี้แอดมินขอแนะนำว่าบทความสำหรับการทำ SEO ควรมีความยาวอยู่ที่ 500 – 1,000 คำ แต่มากไปก็ใช่ว่าจะดี เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าหากบทความที่ยาวไปแต่ไม่ได้มีเนื้อหาเชิงลึกอะไรผู้ใช้งานก็จะไม่ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน

Heading และ Meta Tag

การเขียนบทความเพื่อทำ SEO เรื่องการใส่ Heading และ Meta Tag เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อระบุหัวข้อ และความสำคัญของบทความนั้น ๆ ที่เราทำ SEO โดยวิธีการใส่ Heading ในการทำ SEO คือ ชื่อเรื่อง จะใส่เป็น H2 ส่วนหัวข้อย่อยลงมาจะใส่เป็น H3 และ H4 เพื่อไล่ระดับความสำคัญ เพราะฉะนั้นแอดมินแนะนำว่า อย่าลืมวางแผนการวางโครงของบทความตั้งแต่ก่อนเริ่มเขียน จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดกันทีหลัง

ส่วน Meta Tag จะเป็นส่วนที่ช่วยบอก Google ว่าบทความที่เรากำลังจะเขียนนั้นต้องการจะบอกถึงเรื่องอะไร โดยแบ่งย่อยออกแบบ 3 ข้อ ดังนี้

Title หรือ ชื่อบทความ และสามารถใส่คำอธิบายเพิ่มเติมได้นิดหน่อย
URL ของหน้าบทความนั้นเรียกอีกอย่างว่า Slug ในกรณีนี้การทำ Friendly URL ก็จะมีส่วนช่วยให้ URL ดูเรียบร้อย และยังส่งผลต่อ SEO มากขึ้นอีกด้วย
Description คือ ส่วนที่จะอธิบายแบบย่อ ๆ ว่า หน้า URL นี้ของคุณกำลังจะบอกถึงเรื่องอะไร โดยจะมีความยาวอยู่ที่ 2-3 บรรทัด โดนควรจะให้มีชื่อเรื่อง หรือ Keyword นั้นอยู่ในนี้ด้วย เพราะจะส่งผลต่อการทำ SEO เช่นกัน

รูปภาพในบทความ

การเขียนบทความเพื่อทำ SEO แม้การเขียนบทความจะเป็นเรื่องของการเขียนตัวหนังสือ แต่ก็ควรจะมีรูปภาพคั่น เพื่อไม่ให้บทความของเรามีตัวหนังสือเรียงเป็นพืด และดูน่าเบื่อจนเกินไป และรูปภาพสำหรับใส่ในบทความเพื่อทำ SEO ยังสามารถช่วยให้บทความของคุณดูเข้าใจง่ายขึ้น และยังสามารถช่วยคุณในเรื่องของการทำ SEO ได้อีกด้วย โดยการใส่ Alt+Text ลงไปในรูปภาพ ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ชื่อของรูปภาพในบทความก็ส่งผลต่อ SEO และอันดับของบทความเช่นเดียวกัน ก่อนอัปโหลดรูปภาพลงไปในบทความควรตั้งชื่อรูปภาพให้มี Keyword สอดคล้องกับในบทความด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

การเขียนบทความธรรมดา ให้เป็นบทความ SEO ไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่ไหมละคะและถ้าหากคุณสนใจเกี่ยวกับการทำ SEO หรือ กำลังมองหา บริษัทรับทำ SEO , เอเจนซี่รับทำ SEO หรือ บริษัทรับทำ SEO สายขาว ที่จะเข้ามาช่วยดูแลการทำ SEO ของเว็บไซต์คุณ เลือกบริษัท KTn Develop สิคะคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เพราะเรามีประสบการณ์ในการรับทำSEO และการทำเว็บไซต์กว่า 10ปี เราเป็นบริษัทรับทำ SEO และดูแลเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดในหน้า Google เพื่อให้เกิดยอดขายทางด้านออนไลน์ แบบไม่ต้องเสียเงินให้กับ Google หากสนใจบริการรับทำ SEO ติดต่อบริษัท KTn develop ได้