
การ ทำเว็บไซต์ ไม่ได้จบแค่ตอนเว็บไซต์ออนไลน์สำเร็จ เพราะจุดสำคัญจริง ๆ อยู่ที่ประสิทธิภาพของเว็บไซต์หลังจากเปิดใช้งาน ว่าตอบโจทย์ธุรกิจได้มากแค่ไหน การวัดผลด้วย KPI (Key Performance Indicator) จะช่วยให้คุณรู้ว่าเว็บไซต์ของคุณ ทำงานได้ดี หรือ ต้องปรับปรุง ในส่วนใดบ้าง บทความนี้เราจะมาดูกันอย่างละเอียดว่า หลังจาก ทำเว็บไซต์ เสร็จแล้ว ควรวัดผล KPI อะไรบ้าง และแต่ละตัวบ่งบอกอะไรกับคุณ
1. จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic)
จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) คือ KPI เบื้องต้นที่ทุกเว็บไซต์ควรตรวจสอบ เพราะมันสะท้อนถึงความน่าสนใจของเว็บไซต์และประสิทธิภาพของการตลาดออนไลน์โดยตรง เช่น จำนวนผู้เข้าชมรายวัน / รายเดือน, แหล่งที่มาของผู้เข้าชม (Organic Search, Social Media, Direct, Referral ฯลฯ), อุปกรณ์ที่ใช้เข้าเว็บไซต์ (มือถือ, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต) เครื่องมือที่เราแนะนำในการวัดผล เช่น Google Analytics, Google Search Console
2. อัตราการออกจากหน้าแรก (Bounce Rate)
Bounce Rate คืออัตราของผู้เข้าชมที่เข้ามาในเว็บไซต์แล้วออกไปทันทีโดยไม่คลิกหรืออ่านหน้าอื่น ๆ ต่อ เป็นตัวชี้วัดที่บอกถึง “ความน่าสนใจของเนื้อหาและประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์”
โดยมีค่าเฉลี่ยไม่ควรเกิน 50% (ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ) ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ Bounce Rate สูง เช่น เว็บไซต์โหลดช้า, เนื้อหาไม่น่าสนใจ, หน้า Landing Page ไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา, เว็บไซต์ไม่รองรับมือถือ เป็นต้น คุณสามารถแก้ไขได้โดยการปรับโครงสร้างหน้าเพื่อลด Bounce Rate ได้ เช่น การใช้ดีไซน์ที่ดึงดูดตา การวางปุ่ม CTA ที่เหมาะสม และการจัดวางเนื้อหาให้เข้าใจง่าย
3. ระยะเวลาเฉลี่ยในการเข้าชมเว็บไซต์ (Average Session Duration)
อีกหนึ่ง KPI ที่ควรวัด คือ “ระยะเวลาเฉลี่ยในการเข้าชม” ตัวเลขนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่า ผู้ใช้สนใจในคอนเทนต์ของคุณมากแค่ไหน ถ้าเวลาสั้นมาก (เช่น ต่ำกว่า 30 วินาที) อาจแปลว่าเนื้อหาไม่ตรงใจ หรือเว็บไซต์ใช้งานยาก การเพิ่มเวลาอยู่ในเว็บไซต์ทำได้โดยการเขียนคอนเทนต์คุณภาพดี การเพิ่มภาพ วิดีโอ หรือกราฟิกที่ดึงดูดสายตา และการทำโครงสร้างเมนูให้ค้นหาข้อมูลง่าย
4. Conversion Rate (อัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า)
Conversion Rate ถือเป็น KPI ที่สำคัญที่สุดในการทำเว็บไซต์เพื่อธุรกิจ เพราะมันวัดได้โดยตรงว่า “เว็บไซต์ของคุณสร้างยอดขายหรือผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริงหรือไม่”
ตัวอย่าง Conversion ที่ควรติดตาม เช่น การกด “ติดต่อเรา” การขอใบเสนอราคา การสมัครสมาชิก การสั่งซื้อสินค้า การกรอกแบบฟอร์มติดต่อ
ถ้าคุณ ทำเว็บไซต์บริษัท แล้ว Conversion ยังต่ำ นั่นอาจแปลว่าคุณต้องปรับปุ่ม CTA (Call to Action) หรือข้อความให้ชัดเจนขึ้น เช่น เปลี่ยนจาก “Submit” เป็น “รับใบเสนอราคาฟรีภายใน 24 ชม.” เป็นต้น

5. Page Speed (ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์)
เว็บไซต์ที่โหลดช้าไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้หนีไป แต่ยังส่งผลต่อการจัดอันดับของ Google ด้วย เพราะ ความเร็วเว็บไซต์ เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของ SEO ซึ่ง 53% ของผู้ใช้มือถือจะออกจากเว็บถ้าโหลดเกิน 3 วินาที และเว็บไซต์ที่เร็วกว่า 1 วินาที มักมี Conversion สูงกว่าเว็บที่ช้ากว่า เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผล เช่น Google PageSpeed Insights, GTmetrix
6. คำค้นหา (Keyword Rankings)
หลังจากเว็บไซต์ออนไลน์แล้ว คุณควรตรวจสอบอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา Google ว่าติดหน้าแรกหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าเว็บไซต์คุณมีการทำ SEO ร่วมด้วย สิ่งที่ควรวัด ได้แก่ คำหลักที่เว็บไซต์ติดอันดับ การเปลี่ยนแปลงของอันดับแต่ละเดือน และคำค้นที่สร้าง Traffic ได้มากที่สุด
7. การเข้าชมจากมือถือ (Mobile Traffic)
ในยุคที่คนส่วนใหญ่ใช้งานสมาร์ตโฟน การวัดผล Mobile Traffic จึงเป็นอีก KPI ที่ไม่ควรมองข้าม เว็บไซต์ที่ไม่รองรับมือถือ (Responsive Design) จะทำให้ผู้ใช้ปิดเว็บเร็วและเสียโอกาสทางธุรกิจ
สิ่งที่ควรตรวจสอบ:
- สัดส่วนผู้เข้าชมจากมือถือเทียบกับเดสก์ท็อป
- การแสดงผลบนหน้าจอมือถือ (เช่น ขนาดปุ่ม, ฟอนต์, เมนู)
- ความเร็วของเว็บไซต์บนมือถือ
8. จำนวนหน้า/บทความที่ถูกเข้าชมมากที่สุด (Top Pages)
การดูว่าหน้าใดในเว็บไซต์มีผู้เข้าชมมากที่สุด จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า “ผู้ใช้สนใจเรื่องอะไร” และ “ควรสร้างคอนเทนต์แนวไหนเพิ่ม” เช่น ถ้าหน้า “บริการของเรา” มีผู้เข้าชมมาก แสดงว่าคนสนใจบริการนั้น หรือถ้าบทความ SEO มีผู้อ่านเยอะ แปลว่าคอนเทนต์ด้านนี้ตอบโจทย์ตลาด
9. การกลับมาเยี่ยมชมซ้ำ (Returning Visitors)
Returning Visitors บ่งบอกได้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณค่ามากพอที่ทำให้ผู้เข้าชม “กลับมาอีกครั้ง” ซึ่งถือเป็นสัญญาณของ “ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)”
10. การติดต่อหรือสอบถามจากเว็บไซต์ (Leads & Inquiries)
สุดท้าย KPI ที่สะท้อนผลลัพธ์ทางธุรกิจโดยตรงคือ “จำนวนการติดต่อจากลูกค้า” ไม่ว่าจะเป็นการกรอกแบบฟอร์ม โทรศัพท์ หรือแชตผ่านเว็บไซต์ การวัดผลส่วนนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่า เว็บไซต์ของคุณสร้างโอกาสทางธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน หรือติดตั้ง Conversion Tracking เพื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ

การวัด KPI คือกุญแจสำคัญหลังการทำเว็บไซต์
การ ทำเว็บไซต์ ที่ดีไม่ใช่แค่สวยหรือโหลดไว แต่ต้อง “ตอบโจทย์ธุรกิจ” ได้จริง การติดตาม KPI อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณรู้ว่าเว็บไซต์กำลังเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ และช่วยให้คุณปรับปรุงเนื้อหา ประสบการณ์ใช้งาน และกลยุทธ์ SEO ได้ตรงจุดมากขึ้น
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้าน บริการทำเว็บไซต์, ทำเว็บไซต์บริษัท, ทำเว็บไซต์ WordPress หรือทีม รับทำ SEO ที่ช่วยวางกลยุทธ์วัดผล KPI อย่างมืออาชีพ ทีมงาน KTn Develop พร้อมดูแลธุรกิจของคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร เราให้คำปรึกษาฟรี จากทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์จริงด้านเว็บไซต์และการตลาดดิจิทัล
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Tel: 02-9504253
Phone: 0803926941
Email: INFO@KTNDEVELOP.COM
Facebook: KTn develop
Line OA : @KTNDEVELOP