เมื่อ SEO ไม่ใช่แค่การใส่ “คีย์เวิร์ด” เพื่อการค้นหาอีกต่อไป
เมื่อSEO ไม่ใช่แค่การใส่ “คีย์เวิร์ด” เพื่อการค้นหาอีกต่อไป แนวทางในการทำ SEO สำหรับปี 2020อย่างในประเทศไทยเอง คุ้นเคยกับการใช้ Search Engine คือ Google ในฐานะยูสเซอร์ เวลาที่อยากรู้อะไร สิ่งแรกที่หลายคนทำ คือ การถามอากู๋ หรือ Search Google เพื่อให้ได้คำตอบ หนึ่งในวิธีการทำ SEO ให้กับคอนเท้นท์ คือ การใส่ “คีย์เวิร์ด” ลงไป ยิ่งในเนื้อหามีคีย์เวิร์ดที่คนชอบค้นหามากเท่าไหร่ ย่อมมีโอกาสที่จะทำให้บทความนั้นปรากฎบน Search Engine
แต่ในวันนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว…
ในอดีต คำว่า SEO อาจย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization
แต่ในปี 2020 คำว่า SEO อาจหมายถึง Search Experience Optimization
แอดมินจึงชวนมาดู 3 เทรนด์ SEO สำหรับปี 2020 กันค่ะ
- Featured Snippets
Featured Snippets เป็นกล่องข้อความที่แสดงอยู่ด้านบนสุดของผลการค้นหา เหนือเว็บไซต์อันดับแรก หรือที่หลายคนเรียกว่า Zero Position การจะขึ้นไปแสดงในส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหนึ่ง ก็สามารถขึ้นไปได้
ที่เรียก Zero Position นั่นเป็นเพราะว่า Featured Snippets จะแสดงผลอยู่ก่อนอันดับแรกที่ติด SEO ซะอีก มีความโดดเด่น จะแสดงผลลัพธ์ในลักษณะของการให้ข้อมูลและตอบคำถามแบบสั้นๆ มีรูปแบบพิเศษแตกต่างจากผลลัพธ์ทั่วไป โดยเฉพาะกับการค้นหาข้อมูลแบบ What is/คืออะไร หรือ How to/ทำอย่างไร
ข้อดีของ Featured Snippets คือ หากเว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่ในตำแหน่งของ Featured Snippets จะทำให้คนรู้จักเว็บไซต์มากขึ้น แม้ว่าเว็บไซต์อาจไม่ได้ติดอันดับ 1 ของ Google แต่หากสามารถตอบคำถามเบื้องต้นได้ และ Google มองว่าเนื้อหาตอบโจทย์ได้ ก็มีสิทธิ์ที่เว็บไซต์ของเราจะมาปรากฏบนตำแหน่งของ Featured Snippets ได้ หรืออันดับ 0 (Position Zero) ของ Google ได้นั่นเอง

- 5 วิธีคิดผิดๆ เกี่ยวกับการทำ SEO
- เทรนด์ seo ที่กำลังจะมาในปี 2020
- 3 เทคนิค SEO จะช่วยธุรกิจให้เติบโตบนโลกออนไลน์
- Voice Search
เตรียวตัวให้พร้อม Voice Search มาแน่ แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีผู้ใช้การค้นหาด้วยเสียงจำนวนไม่มากนัก อีกทั้งยังพบปัญหาต่างๆ เวลาใช้งาน อย่างเช่น ตัวแอพพลิเคชั่นยังไม่เข้าใจคำที่เราพูด ในด้านการออกเสียง หรือทางด้านภาษา แต่ในปี 2020 นี้ Voice Search มาแน่ เพราะที่ผ่าน AI ได้เรียนรู้มากขึ้น ฉลาดมากขึ้น รองรับคำถามยาวๆ และโต้ตอบได้ดีขึ้น การใช้คำพูดแบบสบายๆ ก็สามารถค้นหาข้อมูลได้แล้ว
ส่วนใหญ่การค้นหาด้วยเสียงมักจะเป็นคำถาม หรือเป็นประโยคที่ยาวกว่าการค้นหาแบบ Text ตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟที่ใกล้ที่สุด อยู่ที่ไหน, ร้านกาแฟนั่งทำงานได้ มีที่ไหนบ้าง หากเป็นการค้นหาแบบ Text เราคงพิมพ์แค่คำสั้นๆ อย่าง ร้านกาแฟ ราชเทวี, co-working space
การทำเว็บให้รองรับ Voice Search
ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรกของ Google เมื่อเราใช้การค้นหาด้วยเสียง Google จะตอบกลับมาด้วยเสียง และเป็นข้อมูลที่อยู่ใน 3 อันดับแรกบนหน้า Google โดยตั้งคำถาม และใส่คำตอบในเนื้อหาเว็บไซต์ อย่างที่กล่าวไปว่า การค้นหาด้วยเสียงส่วนใหญ่มักจะเป็นการตั้งคำถาม หากเราเขียนบทความในรูปแบบของการตอบคำถามก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรา รองรับการค้นหาแบบเสียงและเมื่อเราใช้ Voice Search โดยการตั้งคำถาม Google จะตอบกลับจากผลลัพธ์ที่เป็น Featured Snippets
- AI (Artificial Intelligence)
ตอนนี้ Google ได้กล่าวว่า เขาคือ AI first company ว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวของ Google จะมี AI เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับ SEO แล้ว เพราะการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า Google ก็ใช้ AI ในการจัดอันดับ
RankBrain คือเทคโนโลยี AI ตัวหนึ่งของ Google ที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อปี 2015 Google นำมาใช้ในการจัดอันดับผลการค้นหา ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน หรือก็คือค่าต่างๆ อย่างเช่น
- Bounce Rate (เปอร์เซ็นการกดออกเว็บไซต์)
- Mobile-Friendly (ใช้งานง่ายบนมือถือ)
- Average Load Time (ความเร็วในการดาวน์โหลดเว็บไซต์)
- Percentage of repeat visitors (จำนวนผู้ชมเว็บไซต์ที่เข้ามาดูซ้ำ ๆ)
- Percentage of search traffic from brand queries (จำนวนผู้ชมที่ค้นด้วยเราด้วยชื่อแบรนด์)
- Click-through rate (อัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์)
- Pageviews per visitor (จำนวนหน้าที่ถูกเปิดดู)
- Average time on site (เวลาที่ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์)
ถ้าหากใครสนใจที่ต้องการจะทำเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์ แต่ไม่มีเวลาทำเองสามารถติดต่อบริษัท KTn Develop ได้เลย เรามีทีมงานมืออาชีพ การันตีผลลัพธ์และเห็นผลแน่นอน อยากเพิ่มยอดขายจากช่องทางออนไลน์ ติดต่อสอบถามได้ที่ 0624261964